06 June 2019
เรื่องของสุขภาพร่างกาย การเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ เนี่ยนับเป็นปัญหาใหญ่ของคนทุกวัยเลยล่ะครับ โดยเฉพาะกับคนวัยทำงานที่ต้องใช้ร่างกายอย่างหักโหมมาโดยตลอด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแต่ละครั้งนั้นไม่ต่ำกว่าหลักพันแน่นอน ยิ่งถ้าไม่มีประกันสังคมด้วยนะบอกเลยว่าเดือนนั้นมีทำงานฟรีเลยล่ะครับ เพราะแบบนี้เองหลายๆ คนจึงเลือกที่จะมองหาผู้ช่วยมาคอยให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน แบ่งเบาภาระเวลาเกิดปัญหาเจ็บป่วยขึ้น ซึ่งประกันสุขภาพเค้าออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ
การประกันสุขภาพก็คือ การทำประกันที่บริษัทประกันภัยเค้าจะคอยให้ความช่วยเหลือ คุ้มครอง และมอบเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้เราตามตกลงกัน เมื่อเกิดเหตุเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นกับผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ประกันสุขภาพก็จะช่วยเหลือทั้งหมดเลยล่ะครับ ซึ่งประกันสุขภาพแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ เลยก็คือ :
ให้ความคุ้มครองเมื่อมีการเจ็บป่วย หรือต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
คุ้มครองเมื่อมีการเจ็บป่วย และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่ต้องนอนพัก เช่น เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย หรือ การฉีดวัคซีน
คุ้มครองโรคร้ายแรงที่ต้องรักษาเฉพาะทาง ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ หรือใช้เวลารักษานาน มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ สมอง หลอดเลือด
คุ้มครองเมื่อได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บทางร่างกายจนถึงขั้นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย ไปจนถึงการสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิตเลย ซึ่งประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ไปจนถึงค่าสินไหมทดแทนให้เราด้วย
เป็นการคุ้มครองรายได้ระหว่างที่เราต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยบริษัทประกันจะทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนรายวันในวันที่เราทำงานไม่ได้ แต่ไม่ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาลที่เราต้องจ่าย
หลังจากรู้แล้วว่าประกันสุขภาพแบบไหนที่เหมาะสมกับความต้องการของเรามากที่สุด ทีนี้ก็มาดูปัจจัยในการเลือกซื้อกันบ้างครับว่าจะซื้อประกันสุขภาพยังไงให้คุ้มค่าได้บ้าง
นี่คือเงินที่เราต้องจ่ายให้บริษัทประกัน เบี้ยประกันจะเปลี่ยนไปตามอายุ เพราะอายุเยอะโรคเยอะ ประกันต้องรับผิดชอบมาก ทำให้เบี้ยประกันแพงขึ้น ก่อนเลือกซื้อจึงควรดูว่าเบี้ยประกันนั้นเหมาะสมกับความคุ้มครองที่จะได้รับหรือไม่
เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการเจ็บป่วยแต่ละครั้งจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นจึงควรจะมองกรณีที่รุนแรงที่สุดไว้ก่อนเสมอ และคิดว่าประกันต้องมีวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ เราจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินตัวเองซ้ำซ้อน เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกจากวงเงินคุ้มครองที่สูงที่สุดเป็นหลักจะดีกว่า
ตรงนี้ให้สังเกตจากตัวเราเองเลยว่าเรามีวิถีชีวิตที่เสี่ยงยังไงบ้าง สุขภาพส่วนตัวเป็นยังไง กรรมพันธุ์เป็นแบบไหน มีโรคประจำตัวมั้ย เพราะแต่ละบริษัทก็ให้ความคุ้มครองไม่เหมือนกัน ยิ่งเรารู้ว่าเรามีโรคอะไรที่อาจเกิดขึ้นได้ ยิ่งทำให้เลือกทำประกันสุขภาพได้ง่ายขึ้น
และการเจ็บป่วยแต่ละครั้งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ทั้งค่าห้องพัก ค่ารักษา ค่ายา ค่าทำแผล ตรงนี้แหละที่ต้องดูว่าประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองเราในด้านไหนบ้าง เลือกที่คุ้มครองเยอะๆ ไว้ก่อนดีกว่าครับ
เพราะประกันสุขภาพไม่ได้ได้มาฟรีๆ ต้องใช้เงินซื้อมาทุกเดือน ทำให้ต้องเช็กว่าเงินเรามีมากพอสำหรับประกันสุขภาพแบบไหน แนะนำว่าเงินตรงนี้ควรเป็นเงินที่ไม่เดือดร้อนค่าใช้จ่ายหลักของเรา เป็นเหมือนการซื้อความสบายใจในการใช้ชีวิตในอนาคตมากกว่า
สำหรับคำถามที่ว่าประกันสุขภาพจำเป็นรึเปล่านั้น ขอบอกเลยว่าจำเป็นมากครับ เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของเราผู้ประกันไปได้ ซึ่งเข้าโรงพยาบาลครั้งนึงปกติก็หมดเงินหลักพันบาท ถ้านอนด้วยยิ่งอาจเป็นหมื่นด้วยซ้ำ การมีประกันสุขภาพเข้ามาแบ่งเบาภาระตรงนี้จะทำให้เราไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงินในยามฉุกเฉิน
แต่เพราะแผนประกันสุขภาพนั้นมีความหลากหลาย และแตกต่างกันออกไป ดังนั้นแนะนำให้เลือกใช้บริการให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราเองดีที่สุดครับ ก่อนที่จะเลือกแผนประกันว่าจะเอาแบบไหน ให้ดูที่ความต้องการของเราเป็นหลักก่อน นอกจากนี้แนะนำว่าอย่าหลงเชื่อคนที่มาเชียร์เด็ดขาดว่าแบบนั้นดีกว่า แบบนี้ดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะต้องใช้งานแผนประกันนั้นๆ ตลอดไป ก็คือตัวเราเอง ซึ่งเราเองจะเป็นคนรู้ดีที่สุดแค่เพียงคนเดียวอยู่แล้วว่าแบบไหนถึงจะดีกว่ากัน
ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงเข้าใจกันได้มากขึ้นแล้วนะครับว่าจะทำประกันสุขภาพแบบไหน ยังไง ดีให้เหมาะสมกับตัวเอง และคุ้มค่าเงินที่เสียไปมากที่สุด ประโยชน์ของมันมีเยอะแยะมากมายมหาศาลขนาดนี้ จะมองข้ามไปก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ รีบไปศึกษา ทำความเข้าใจ และไปเปรียบเทียบประกันสุขภาพที่ตรงใจมาใช้งานกันให้ไวๆ เลย