24 May 2019
เดี๋ยวนี้ได้ยินคำว่าประกันชีวิตกันทีไร หลายๆ คนก็ต้องร้องยี้กันทุกที เพราะคนไทยเชื่อฝังหัวกันไปแล้วว่าประกันชีวิตนั้นเป็นเรื่องหลอกเด็กของเซลล์ขายของ มันไม่จำเป็นกับชีวิต รวมทั้งมีพนักงานขายประกันชีวิตมากมายที่ทำตัวไม่น่ารัก ออกขายแบบมัดมือชก และกดดันจนทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกไม่ดี มองประกันชีวิตเป็นแง่ลบ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วประกันชีวิตเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งมันจะช่วยทำประโยชน์ให้กับเราได้มากมาย เป็นตัวช่วยในการดำเนินชีวิตที่คนรุ่นใหม่ต้องให้ความสนใจ
ประกันชีวิตก็เป็นเหมือนสัญญาที่จะช่วยเกื้อกูลกันและกันระหว่างคนทำประกัน กับบริษัทประกัน เราในฐานะผู้ทำประกันจะมีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันให้กับคู่สัญญาเป็นประจำทุกเดือน และเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตลง หรืออยู่ครบตามสัญญากรมธรรม์ ฝ่ายบริษัทประกันชีวิตก็จะต้องจ่ายผลตอบแทนกลับมา เรียกว่า ทุนประกันชีวิต
ซึ่งแน่นอนว่าการจ่ายเงินไปให้บริษัทประกันทุกเดือนนั้นจะช่วยคุ้มครองเราเมื่อเราเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย หรือเกิดการเสียชีวิต ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เช่น ภรรยา หรือลูกๆ ของเรานั้นได้รับเงินชดเชยความสูญเสียในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองอื่นๆ เช่น การประกันอุบัติเหตุและสูญเสียอวัยวะ การประกันกรณีทุพพลภาพ หรือการประกันสุขภาพร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เราตกลงกันไว้นั่นเอง
สำหรับคนที่กำลังลังเลใจว่า จะทำประกันชีวิตดีมั้ย เพราะดูๆ ไปแล้วมันก็คล้ายๆ กับการฝากเงินกับธนาคาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วประกันชีวิตเนี่ยมอบสิทธิประโยชน์ให้มากกว่านั้นเยอะเลยล่ะครับ แต่จะมีอะไรบ้างเนี่ย ไปดูกันเลย
วันใดที่คนเอาประกันเสียชีวิตลง ก็จะทำให้คนในครอบครัวได้เงินทุนในการดำรงชีวิตกลับมา ยิ่งถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นเสาหลักด้วย การได้เงินประกันตรงนี้ก็จะช่วยให้ครอบครัวมีเวลาตั้งตัวได้มากทีเดียว
เมื่ออายุประกันครบตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ คนเอาประกันก็จะได้รับเงินกลับมาเป็นเงินทุนสำรองไว้ใช้หลังเกษียณได้แบบสบายๆ นับเป็นการวางแผนการเงินที่ดีทางหนึ่ง
เพราะหลายๆ คนไม่มีวินัยในการเก็บเงิน ทำให้ไม่เหลือเงินเก็บสักเดือน การฝากเงินกับประกันชีวิตจะช่วยให้มีเงินเหลือเก็บได้อย่างแน่นอน
สำหรับคนเอาประกันนั้นจะได้รับเงินชดเชยเมื่อเกิดเหตุทุพพลภาพถาวร หรือทำให้ต้องพิการ ไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้
ปกติการเก็บเงินของเราก็มักจะทำการฝากธนาคารเอาไว้เพื่อกินดอกเบี้ย ซึ่งการนำเงินตรงนั้นมาลงทุนในประกันชีวิตจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าหลายเท่า ในระยะเวลาการฝากที่เท่ากัน
ใครที่ซื้อประกันชีวิตตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ก็จะเอาไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทเลย
เห็นข้อดีของการทำประกันชีวิตไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงประเภทที่เหมาะสมกับเรากันบ้างแล้วล่ะครับ เพราะการทำประกันชีวิตมีหลายประเภทเลย แต่ละประเภทก็มีจุดเด่น ข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป ดังนี้
อันนี้จะเน้นระยะยาว ซึ่งเราต้องจ่ายเบี้ยประกันทุกเดือนเป็นเวลา 5 ปี 10 ปี 20 ปี เป็นต้น แต่เค้าก็จะคุ้มครองเรายาวๆ เหมือนกัน จนถึงอายุ 99 ปี เลยล่ะ
เป็นการประกันชีวิตระยะสั้น เราเลือกเวลาในการจ่ายเบี้ยและการคุ้มครองได้เองเลย ตามระยะเวลา 5 ปี 10 ปี 15 ปี อยากคุ้มครองกี่ปีก็จ่ายเท่ากับจำนวนปี
เป็นประกันเน้นการออมเงินแบบที่เห็นกันบ่อยๆ มีหลายระยะ ตั้งแต่ 3-5 ปี ไปจนถึง 25-30 ปี
เป็นประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินเหมือนแบบสะสมทรัพย์ แต่ออมเพื่อการเกษียณโดยเฉพาะ โดยจะต้องออมต่อเนื่องจนถึงเกษียณอายุเลย เช่น 55-65 ปี และเมื่อเกษียณแล้วจะได้เงินคืนจากประกันทุกปีไปจนอายุ 85-90 ปี
ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงเข้าใจในประโยชน์ของการทำประกันไปบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ลองเลือกทำประกันชีวิตจากประเภทที่เราคิดว่าเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด รับรองเลยว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากมันมากมายมหาศาล อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าเก็บเงินไว้กับตัวเฉยๆ แน่นอน